เริ่มเกมมาทางฝั่งทีมเยือน อาร์เซนอล เป็นฝายเขี่ยลูกเริ่มเกมในทันที แต่เกมในช่วง 10 นาที แรก ทั้ง 2 ทีม ยังคงเล่นกันอย่างระมัดระวัง จึงไม่ค่อยจังหวะจบสกอร์ มากนัก
นาทีที่ 13 กัลลาส์ ได้โอกาสแรกของเกม เมื่อโหม่งลูกเตะมุมบริเวณเสาสองโล่งๆ แต่ทว่าบอลลอยข้ามคานออกไปอย่างฉิวเฉียด
แต่ แล้ว โอกาสแรกของ แมน ซิตี ในนาทีที่ 19 เมื่อลูกฟรีคิกจากกลางสนาม ถูกเปิดเข้ามาในเขตโทษ ก่อนที่ ไมกาห์ ริชาร์ด จะโหม่งย้อยไปที่เสาทางซ้าย บอลชนเสาเด้งมาถูกศีรษะ อามูเนีย เข้าประตูไป แมนเชสเตอร์ ซิตี ขึ้นนำไป 1-0
เกมดำเนินมาจนถึงช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกม อาร์เซนอล พยายามเปิดเกมบุกเพื่อทวงประตูตีเสมอ แต่กองหลังของ เรือใบสีฟ้า ยังป้องกันไว้ได้ดี
ช่วง 5 นาทีสุดท้าย อาร์เซนอล พยายามครองเกมบุก แต่ในวันนี้เกมการจ่ายบอลเร็วเท้าต่อเท้าของทางฝั่งทีมเยือน ไม่มีให้เห็นมากนัก ส่วนใหญ่จะถูก ผู้เล่นฝั่งเจ้าบ้าน ตัดบอลได้ในบริเวณกลางสนามตลอด
สุดท้ายแล้ว ไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ จบการแข่งขันในคึ่งแรก แมน ซิตี เจ้าบ้านนำ อาร์เซนอล อยู่ 1-0
เริ่ม เกมในช่วงครึ่งหลังทั้งสองทีมก็เปิดเกมรุกเข้าใส่กันอย่างสุดมัน โดย เจ้าบ้าน แมนซิตี มีโอกาสก่อน แต่ก็ถูกกองหลัง อาร์เซนอล ช่วยกันป้องกันไว้ได้
นาทีที่ 57 ดิยาบี มีโอกาสโฉบมาโหม่ที่เสาแรก จากลูกเปิดทางริมเส้นฝั่งขวา แต่ลูกโหม่งนั้น ได้พุ่งไปตรงตัว เชย์ กีฟเวน ปัดออกมาได้ ก่อนที่กองหลังจะชวยกันสกัดออกมาได้
อาร์เซนอล มาประสบความสำเร็จในการตีเสอมจนได้ในนาทีที่ 63 เป็น โรบิน ฟาน เพอร์ซี ได้บอลบริเวณตรงกลาง หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนพลิกหลบการสกัดของกองหลังฝั่งเจ้าบ้าน และสับไกด้วยซ้าย บอลพุ่งไม่แรงนาก แต่ทิศทางเสียบเสาทางซ้ายมือ เข้าไป แบบที่ เชย์ กีฟเวน หมดสิทธิ์ป้องกัน ทำให้ อาร์เซนอล ตีเสมอมาเป็น 1-1
เกมเข้าสู่ชาวง 20 นาทีสุดท้าย อาร์เซนอล เป็นฝ่ายครองบอล บุกใส่ทางฝ่งเจ้าบ้าน แมนซิตี แต่กลับกลายเป็น เจ้าบ้าน ที่มาได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 74 เป็นจังหวะสวนกลับ ไมกาห์ ริชาร์ด ได้บอลหลุดมาทางขวาของเขตโทษ ก่อนจ่ายเรียดมาให้ เครก เบลลามี แปด้วยขวาที่กลางเขตโทษ บอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ แมนซิตี ออกนำอีกครั้งเป็น 2-1
นาทีที่ 80 แมนเชสเตอร์ ซิตี มาได้ประตูทิ้งห่าง อาร์เซนอลไปเป็น 3-1เมื่อ ชอน ไรท์ ฟลลิปส์ หลุดจากการสกััดไปทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดโด่งมาให้ อาเดบายอร์ โหม่งโล่งๆ ที่กลางประตู เข้าไปตุงตาข่าย ให้แมนซิตี นำห่างไป 3-1
4 นาทีต่อมา ประตูก็ไหลไปเป็น 4-1 เมื่อ เบลลามี ได้บอลหลุดมาทางกลางสนาม ก่อนจ่ายทะลุไปทางขวาของเขตโทษให้ ไรท์ ฟิลลิปส์ หลุดโล่งๆ ก่อนจะกระดกลูกข้ามผู้รักษาประตูที่วิ่งสวนออกมา เข้าไปตุงตาข่าย
อา ร์เซนอล ยังไม่ยอมแพ้ ในนาทีที่ 88 โทมัส โรซิคกี ตัวสำรอง ได้บอลจากการจ่ายทะลุของ เชส เข้าไปทางซ้ายของกรอบเขตโทษ ก่อนจะยิงสวนตัว เชย์ กีฟเวน เข้าไปทางเสาสอง อาร์เซนอล ไล่มาเป็น 2-4
ช่วงเวลาที่ เหลือ อาร์เซนอล พยายามครองเกมบุกเพื่อทวงประตูเพิ่มให้ได้แต่ก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ หลังจากทดเวลาบาดเจ็บไป 4 นาที ผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน เป็นอันว่า แมนเชสเตอร์ เอาชนะ อาร์เซนอล ไป 4-2
ส่วนทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ น้องใหม่อย่าง เบิร์นลีย์ ได้ ยอสซี เบนนายูน มายิงแฮททริก ในนาทีที่ 27,61,82 บวกกับ เดิร์ก เคาท์ อีกลูกในนาทีที่ 41 ไล่ถล่มไปกระจุย 4-0
ขณะที่เชลซี บุกไปเยือน ช่างปั้นหม้อ สโต๊ก ซิตี ถูกเจ้าบ้าน ยิงนำไปก่อน จาก อับดุลลาเย ฟาย ในนาทีี่ 32 ก่อนดร็อกบาจะมาตีเสมอในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก และ เชลซี มาได้ประตูชัยจาก ฝีเท้าของ ฟลอลอง มาลูดา ในช่วงทดเจ็บ นาทีสุดื้าย เฉือนชนะไป 2-1
http://www.thairath.co.th/content/sport/32687