> > > >> >> >>ถึง ผองเพื่อนผู้ที่จะต้องอยู่ทำกีฬาสีกันจนดึกดื่น
> > > >> >> >>ถึง สหายผู้ชอบเล่นอยู่โรงเรียนจนย่ำค่ำ
> > > >> >> >>ถึง ท่านนักปราชญ์เจ้าปัญญาผู้หลับใหลในห้องจนตึกปิด
> >
> > >> >> >>และ เพื่อนๆทุกคนผู้มีโอกาสอยู่ที่โรงเรียนหลังพระอาทิตย์ตกดิน
> > > >> >> >>
> > > >> >> >> ทุกสถานที่ล้วนมีตำนานเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น
> > > >>ก่อนก่อสร้าง
> > > >> >> >>ระหว่างก่อสร้าง และเปิดใช้งานแล้วก็ตาม โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
> > > >> >> >>นนทบุรีของพวกเราเองก็มีตำนานที่น่าแปลกประหลาดอยู่ถึง 7
> > > >> >> >>เรื่องเช่นเดียวกัน โดยแบ่งออกแบ่งเป็น 7 สถานที่
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>สถานที่อันน่าสนใจ ระทึกใจ
> >
> > >> >> >>และน่าจะหลีกเลี่ยงในยามที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
> > > >> >> >>ในสวนกุหลาบนนท์ทั้ง 7 แห่ง มีดังต่อไปนี้
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>เรื่องที่ 1 ลูกบอลผู้มีสำนึกรักบ้านเกิด
> > > >> >> >>สถาณที่ : โรงยิม
> > > >> >> >>รายละเอียด : หากท่านขึ้นไปใช้บริการโรงยิม
> > > >> >> >>เราแนะนำให้ท่านเงยหน้าขึ้นมองบนเพดานโรงยิมด้านแป้นบาสทิศเหนือ
> > > >> >> >>(บันไดที่ขึ้นจากทางโรงอาหาร)
> > > >> >> >>ท่านจะเห็นลูกบอลลูกหนึ่งซึ่งติดค้างอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานานแล้ว
> >
> > >> >> >>มีหลายคนเล่าว่า
> > > >>มีคนปีนเก็บลงมาแล้ว
> > > >> >> >>แต่ไม่นานมันก็จะดิ้นรนหาทางขึ้นไปอยู่ที่เดิมอีก
> > > >> >> >>หรือพวกนักกีฬาที่พักที่โรงเรียนหรือคนที่มาเล่นกีฬาจนเย็น
> > > >> >> >>เวลาเดินขึ้นลงบันไดมักจะได้ยินเสียงลูกบอล กระทบพื้น บ่อยครั้ง
> > > >> >> >>เมื่อขึ้นมาดูก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ที่นั่นเลย
> > > >> >> >>สันนิษฐานกันว่าลูกบอลลูกนั้นมีพลังลึกลับบางอย่างควบคุมอยู่
> > > >> >> >>เพิ่มเติม :
> > > >> >> >>- จากการสอบถามนักการภารโรงและฝ่ายบริการของโรงเรียน ได้ความว่า
> >
> > >> >>
> > > >>
> >
> >>มีการทำความสะอาดโรงยิมทุกปิดเทอมจึงไม่น่าจะเป็นได้ว่าจะมีลูกบอลที่ค้างอยู่ไม่ได้เก็บเป็นเวลาหลายปีเช่นลูกนั้น
> > > >> >> >>(สรุปความคือเก็บทุกเทอมก็ขึ้นไปอยู่ที่เดิมทุกเทอม)
> > > >> >> >>- จากการสอบถาม นักเรียน ม.6 หลายๆคน ได้ความว่าตั้งแต่ เข้า ม .1
> > > >> >> >>ก็เห็นลูกบอลนั่นค้างอยู่ที่เดิมมาโดยตลอด !!!
> > > >> >> >>
> > > >> >>
> > > >> >>
> > > >> >> >>เรื่องที่ 2 ห้องพิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมบรรพกษัตริย์
> >
> > >> >> >>สถาณที่ : ห้องพิพิธภัณฑ์ ( ตึก 2 ชั้น 3 )
> > > >> >> >>รายละเอียด : สำหรับหนูเล็กเด็ก ม.ต้นทั้งหลาย
> > > >> >> >>คงจะไม่คุ้นเคยกับห้องพิพิธภัณฑ์ มากนัก แต่สำหรับเด็ก ม. 6
> > > >> >>โดยเฉพาะ
> > > >> >> >>ม.6/5 คงคุ้นเคยเป็นอย่างนี้
> > > >> >>
> > > >>
> >
> >>ห้องนี้เป็นห้องเก็บของมีโบราณวัตถุถูกเก็บรักษาไว้ในตู้และชั้นมากมายและที่สำคัญที่สุด
> > > >> >> >>บนชั้นเหล่านั้นจะมี พระบรมรูปปั้น ของ พระมหากษัตริย์
> >
> > >> >> >>ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ และ พระบรมรูปปั้น
> > > >> >> >>นี่เองเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เรื่องก็มีอยู่ว่า มีรุ่นพี่
> > > >> >> >>ที่มีหน้าที่ต้องดูแลการเปิดปิดห้องในตอนเย็น ก่อนปิดห้องพี่เขาก็
> > > >> >> >>จัดโต๊ะเก้าอี้
> > > >> >>
> > > >> >>และจัดพระบรมรูปปั้นบนชั้นโดยเลียงลำดับการขึ้นครองราชย์
> > > >> >> >>แล้วหลังจากนั้นก็ปิดห้อง ตอนเช้าด้วยหน้าที่พี่เขาก็มาเปิดห้อง
> > > >> >> >>หลังจากเปิดไฟและทำความสะอาดเรียบร้อย ก็มีเรื่องทำให้ต้องตกใจ
> > > >> >> >>นั่นก็คือพระบรมรูปปั้น
> >
> > >> >> >>เหล่านั้นเรียงตัวสลับที่ไม่เหมือนเมื่อตอนเย็น
> > > >> >> >>หลังจากนั้นพี่เขาทดลองอีกหลายวันก็ได้ผลเป็นอย่างเดิม หลายๆ
> > > >> >> >>คนที่เรียนที่ห้องนั้นคงได้ยินเรื่องที่ อ.
> > > >> >> >>บอกว่าอาจารย์ได้เชิญพระวิญญาณมาสถิตในพระบรมรูปปั้นทุกพระองค์แล้ว
> > > >> >> >>ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ที่
> > > >> >> >>พระบรมรูปปั้นเหล่านั้นเคลื่อนที่ไปมีพระราชปฏิสันถาร
> > > >> >> >>กับพระบรมรูปปั้นรูปอื่นๆซึ่งทรงเป็นพระญาติกัน !!! เพิ่มเติม :
> > > >> >> >>- จากเรื่องของรุ่นพี่ มีเหตุให้ สงสัยดังต่อไปนี้
> >
> > >> >> >>1. รู้ได้ยังไงว่าเรียงสลับที่
> > > >>=
> > > >> >>
> > > >> >>เนื่องจากตอนเย็นมีการเรียงตามลำดับการครองราชย์จึงเป็นไม่ได้ว่าจะจำผิด
> > > >> >> >>2. มีคนมาแอบจัดหรือไม่ =
> > > >> >> >>จากการสอบถามนักเรียนที่มีกุญแจคือพี่คนนั้นคนเดียว
> > > >> >> >>และตอนที่ปิดห้องอาจารย์ก็กลับไปแล้ว
> > > >> >> >>และถ้ามาจัดตอนเช้าก็เป็นไปไม่ได้เนื่องจากพี่เขาเป็นคนเปิดห้อง
> > > >> >> >>- นอกจากเรื่องของรุ่นพี่แล้ว 6/5
> > > >> >>รุ่นปัจจุบันก็มีการพบเช่นกัน
> >
> > >> >> >>เช่น เสียงพูดคุยที่หาต้นเสียงไม่ได้
> > > >> >> >>เสียงลากแกรกกรากเหมือนของหนักเคลื่อนที่
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>เรื่องที่ 3 ความลับแห่งช่องแคบทั้ง 7
> > > >> >> >>สถาณที่ : ช่องแคบระหว่างตึก 7 ที่ [ (ตึก1- โรงยิม),(ตึก 1 ชั้น
> > > >> >>2-
> > > >> >> >>ห้องแนะแนว ),(ตึก 1 ชั้น 3 – ห้องคอมพ์ ปัจจุบันคือห้อง server
> > > >> >>
> >
> > >> >>),(ตึก1 ชั้น 4 – ห้องธุรกิจ),(ตึก 4 ชั้น 2 – ห้องโสต),(ตึก 4
> > > >> >>ชั้น 3
> > > >> >> >>– ห้องญี่ปุ่น),(ตึก4 ชั้น 4 – ห้องฝรั่งเศส) ] รายละเอียด :
> > > >> >> >>ท่านทั้งหลายคงเคยเดินผ่านช่องแคบกันมาแล้วทุกคน
> > > >> >> >>แต่ทุกท่านเคยสังเกตหรือไม่ว่า ทำไมต้องมีประตูเหล็กกั้น
> > > >> >> >>จากคำเล่าลือของอาจารย์และรุ่นพี่บางคนได้ความว่า
> > > >> >> >>บริเวณเหล่านั้นเป็นบริเวณที่มีความถี่เกี่ยวกับวิญญาณสูงมาก
> > > >> >>ทั้งเห็น
> >
> > >> >> >>เป็นรูปร่าง เสียง หรือแม้กระทั่งกลิ่น ของอดีต ผอ.
> > > >> >> >>ทางโรงเรียนจึงปิดประตูเหล็กกั้นเอาไว้ หรือ
> > > >> >> >>บางส่วนก็สร้างเป็นห้องใหม่ ปิดทับ
> > > >> >> >>เพื่อป้องกันนักเรียนเดินผ่านในย่ามค่ำคืน
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>เพิ่มเติม :
> > > >> >> >>- จากการหาข้อสรุปเกี่ยวกับสร้างประตูเหล็ก
> > > >> >> >>บางท่านอาจบอกสร้างเพื่อป้องกันคนขึ้น
> > > >>เช่น พวกขโมย หรือ นักเรียน
> > > >> >> >>ในเมื่อเรามีประตูเหล็กปิดที่บันไดแล้ว
> >
> > >> >>
> > > >>
> >
> >>ก็ไม่มีใครขึ้นมาได้อยู่แล้วจึงเป็นเหตุอันควรที่จะสร้างประตูปิดตึกดังกล่าว
> > > >> >> >>- จากการสอบถามเพิ่มเติมได้ข้อมูลว่า
> > > >> >> >>ช่องแคบเหล่านั้นสร้างหลังจากทำบุญตึกใหม่
> > > >> >>
> > > >>
> >
> >>จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าช่องแคบเหล่านั้นไม่ผ่านการทำพิธีทางศาสนาใดๆแม้แต่ประการเดียว
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>จึงทำให้แหล่งที่มีการพบพลังเหนือธรรมชาติได้บ่อยครั้งอีกแห่งหนึ่ง
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> >
> > >> >> >>เรื่องที่ 4 เจ้าแม่ไทร
> > > >> >> >>สถาณที่ : ต้นไทรใหญ่หน้าสวนเสริมปัญญา
> > > >> >> >>รายละเอียด :
> > > >> >>
> > > >>
> >
> >>ยามพักกลางวันที่สวนเสริมปัญญาคงคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนที่หาเวลาไปพักผ่อนสมอง
> > > >> >>
> > > >>
> >
> >>แต่ในยามกลางคืนสวนเสริมปัญญาที่แสนร่มรื่นแห่งนี้กลับเป็นอีกที่หนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานถึงพลังเหนือธรรมชาติที่เนืองแน่นไม่แพ้เด็กๆ
> > > >> >> >>ในยามกลางวัน และเรื่องที่ดูน่าเชื่อถือที่สุดคือเจ้าแม่ไทร
> > > >> >> >>นั่นก็คือที่ต้นไทรหน้าสวนเสริมปัญญาในเวลากลางคืน
> >
> > >> >> >>มักจะมีคนเห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยห่มผ้าสไบ
> > > >> >> >>เดินอยู่บริเวณนั้นแล้วหายตัวเข้าไปในต้นไม้
> > > >> >> >>หรือบางครั้งก็ได้กลิ่นกำยาน,
> > > >> >> >>เครื่องหอมหรือดอกไม้ลอยมาตามสายลมอีกด้วย
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>เพิ่มเติม :
> > > >> >> >>- ดูจากขนาดของต้นไทร ก็น่าจะประมาณอายุได้หลายปีอยู่
> > > >> >> >>ซึ่งตามความเชื่อของคนไทยนั่นเชื่อว่าในต้นไม้ที่อายุมากๆ
> > > >> >> >>จะมีวิญญาณมาสิงสถิตอยู่ ซึ่งเรียกกันว่าเทพารักษ์ นั่นเอง
> > > >> >> >>
> >
> > >> >> >>
> > > >> >> >>เรื่องที่ 5 ชั้น 4 ริม
> > > >>ซ้าย
> > > >> >> >>สถาณที่ : อาคาร 2 ชั้น 4 ทางเดินฝั่งซ้ายของตึก
> > > >> >> >>รายละเอียด : คนไทยมีนิสัยชนิดหนึ่งซึ่งเป็นกันแทบทุกคน
> > > >> >> >>นั่นก็คือถ้าไม่มีปัญหา ก็จะไม่หาทางป้องกัน
> > > >> >> >>โรงเรียนของพวกเราเองก็เช่นเดียวกัน
> > > >> >> >>ว่ากันว่าแต่ก่อนอาคารเรียนจะไม่มีที่กั้นระเบียงกันสาดกั้น
> > > >> >> >>จนมีเรื่องเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น
> >
> > >> >> >>โรงเรียนจึงได้เริ่มสร้างที่กั้นระเบียงเพื่อป้องกันเด็กตกอาคาร
> > > >> >> >>เรื่องก็มีอยู่ว่า แต่ก่อนโรงเรียนเราจะปลูกต้นไม้ไว้ตามกันสาด
> > > >> >> >>แล้วมีภารโรงคนหนึ่งมีหน้าที่รดน้ำต้นไม้ตามกันสาด
> > > >> >> >>และแล้ววันหนึ่งเขาพลาดตกลงมา ตาย!!!
> > > >> >>
> > > >>
> > > >>หลังจากนั้นก็มีเสียงเล่าลือกันว่าเขายังวนเวียนปฏิบัติหน้าที่ของเขาต่อไป
> > > >> >>
> > > >>
> >
> >>บางครั้งคนที่อยู่ข้างล่างก็มองเห็นเงาคนคล้ายถือไม้กวาดทำความสะอาดอยู่บนตึก
> >
> > >> >> >>ทั้งที่ประตูตึกปิดหมดแล้ว และสถานที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นก็คือ
> > > >> >> >>อาคาร 2 ชั้น 4 ทางเดินฝั่งซ้ายของตึก นั่นเอง !!!
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>เพิ่มเติม :
> > > >> >> >>- หลายครั้งที่มีคนมาเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่โรงเรียนตอนกลางคืน
> > > >> >> >>มักจะเห็นเงาคนอยู่บริเวณนั้นเป็นประจำ
> >
> > >> >> >>และตรงอาคารบริเวณนั้นมักจะเปิดไฟไว้หนึ่งดวงเสมอ
> > > >> >> >>คาดว่าเปิดไว้เพื่อให้ วิญญาณ
> > > >> >> >>ภารโรงคนนั้นได้ทำหน้าที่ของเขาได้สะดวกสบายขึ้น
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>เรื่องที่ 6 ห้องลูกเสือแห่งความหลัง
> > > >> >> >>สถาณที่
> > > >>: ห้องลูกเสืออาคารชั่วคราว
> > > >> >> >>(ปัจจุบันถูกรื้อและกำลังก่อสร้างเป็นอาคารใหม่)
> >
> > >> >> >>รายละเอียด : เรื่องนี้คงไม่ต้องสาธยายอะไรมาก
> > > >> >> >>หวังว่าคงรู้โดยทั่วกันแล้วว่า
> > > >> >> >>บริเวณห้องลูกเสือเก่าเคยเป็นห้องทำงานของท่าน อดีต ผอ.
> > > >> >> >>ที่หัวใจวายขณะปฏิบัติหน้าที่ จึงเป็นอีกสถานที่
> > > >> >>
> > > >>
> >
> >>หนึ่งที่หลายคนมีโอกาสสัมผัสกับเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติได้ถี่เกินความจำเป็น
> > > >> >> >>เพิ่มเติม :
> > > >> >> >>- คนไทยมีความเชื่อว่า คนที่เสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว
> > > >> >> >>มักจะวนเวียนอยู่กับสิ่งอันเป็นที่รัก หรือ
> >
> > >> >> >>สิ่งที่ยังมีความห่วงใยอยู่ เป็นไปได้ว่า ท่าน ผอ.
> > > >> >> >>อาจจะยังมีความห่วงใยโรงเรียนของพวกเราของพวกเราอยู่ก็เป็นใด
> > > >> >> >>และไม่แน่ว่าหลังจากสร้างอาคารหลังใหม่เสร็จ
> > > >> >>ถ้าท่านยังคงเป็นห่วงอยู่
> > > >> >>
> > > >> >>ก็อาจจะมีเรื่องที่เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นให้ได้พบได้เห็นกันอีกก็ได้
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>เรื่องที่ 7 บ่อบึงซึ่งซุกซ่อน
> > > >> >> >>สถาณที่ : สระน้ำพุหลังโรงเรียน
> >
> > >> >> >>รายละเอียด :
> > > >> >> >>สระน้าพุที่หลังโรงเรียนหลายๆคนก็คงเคยไปผักผ่อนหย่อนใจกันมาแล้ว
> > > >> >> >>แต่ถ้าหากท่านล่วงรู้เรื่องราวต่อไปนี้ท่านอาจจะไม่อยากไปอีกเลยก็ได้
> > > >> >> >>เมื่อตอนก่อสร้างสระน้ำ
> > > >> >>ที่ขั้นตอนขุดสระได้มีคนงานเสียชีวิตไปหนึ่งคน
> > > >> >> >>หลังจากสระนั้นก่อสร้างเสร็จ เวลาเย็นย่ำใกล้ค่ำ
> > > >> >>
> > > >>
> >
> >>นักเรียนหลายคนที่เดินผ่านบ่อน้ำมักจะได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กดังก้องขึ้นมาจากสระ
> > > >> >> >>หรือไม่ก็สังเกตเห็นน้ำช่างเรียบนิ่งจนหน้ากลัว
> >
> > >> >> >>และบางคนก็เห็นเหมือนมีมือยื่นออกมาจากสระอีกด้วย!!!
> > > >> >> >>เพิ่มเติม :
> > > >> >> >>-
> > > >>แทบทุกชาติมักจะมีความเชื่อเกี่ยวกับผู้ที่เสียชีวิตในน้ำ ว่า
> > > >> >> >>จะกลายเป็นพราย ซึ่งเป็นลักษณะวิญญาณชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในน้ำ
> > > >> >>
> > > >>
> >
> >>และพรายพวกนี้มักจะเรียกร้องความสนใจให้คนเข้าไปอยู่ใกล้แหล่งน้ำและดึงลงไปอยู่ด้วย
> > > >> >> >>!!!
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>ทั้งหมดที่กล่าวมานี้
> >
> > >> >> >>ไม่ได้ทำเพื่อหลบหลู่หรือดูหมิ่นพลังเหนือธรรมชาติใด
> > > >> >> >>ไม่ได้ทำเพื่อท้าทายหรือทำให้ใครหวาดกลัว
> > > >> >> >>ที่ทำไปด้วยความรักและความเป็นห่วงอย่างเตือนให้หลีกเลี่ยง
> > > >> >> >>โดยไม่อยากให้คนที่ข้าพเจ้าสู้อุตส่าห์เป็นห่วง
> > > >> >> >>ส่งไปให้นี้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวต่อๆไป
> > > >> >> >>
> > > >> >> >>* นี่ไม่ใช่เรื่องในการ์ตูนญี่ปุ่นรู้ครบ 7
> > > >> >> >>เรื่องก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่มีผีที่ไหนมาหักคอคุณ
> > > >> >>
> >
> > >> >>แค่รู้ว่าเอาไว้เตือนตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงสถานที่เหล่านั้น
> > > >> >> >>เท่านั้นเอง